วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2554

[News] iPhone 5 น่าจะมีดีไซน์แบบนี้หรือเปล่า?

ทั้งๆ ที่ iPhone 5 จะเปิดตัวอยู่แล้วในสัปดาห์หน้า (หากเป็นไปตามรายงานข่าวก่อนหน้านี้) แต่ล่าสุดยังมีรายงานข่าวเกียวกับความพยายามดีไซน์ต้นแบบของ iPhone 5 ออกมาให้ได้ดูกันก่อนอีกจนได้ แต่ใครจะรู้จริงเท่า Apple ว่า ดีไซน์ต้นแบบที่พยายามทำออกมานั้น มันเหมือนของจริงที่จะเปิดตัวในเดือนหน้าสักแค่ไหน?



แม้ว่าจะมีดีไซน์ซองใส่ iPhone 5 ออกมาแล้วก่อนหน้านี้ ตลอดจนภาพต้นแบบ iPhone 4S ที่แทบจะไม่มีความแตกต่างจาก iPhone 4 แต่ยิ่งใกล้วันเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ กระแสความสนใจยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะดีไซน์ของ iPhone 5 ที่จนถึงวันนี้ ยังมีผู้พยายามที่จะปั้นมันออกมานำเสนอ ก่อนที่ของจริงจะเปิดตัวให้เห็นกันอีกจนได้ โดยดีไซน์ต้นแบบคราวนี้สร้างขึ้นจากไฟล์ชิ้นงานออกแบบด้วยโปรแกรม CAD บนคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาศัยข้อมูลจากข่าวลือที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้ เพื่อให้ได้ต้นแบบที่ดูแล้วคล้าย iPhone 5 ของจริงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้


สำหรับต้นแบบของ iPhone 5 ที่ทำออกมาดูน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะความบาง ซึ่งดูคล้ายคล้าย iPad 2 นอกจากจะมีภาพต้นแบบที่ถ่ายออกมาแล้ว ทางทีมงานยังได้ทำคลิปวิดีโอ เพื่อให้เห็นภาพกันจะๆ เอามาให้คุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip ได้ดูกันเล่นๆ เอาไว้เทียบกับของจริงที่จะเปิดตัวว่า แตกต่างกันมากแค่ไหน?


ข้อมูลจาก: GigaNetzwerk

[News] Foldboat "เรือพับ" ลอยน้ำและนั่งได้จริง

คราวนี้มาติดตามข่าว Gadget ที่น่าสนใจกันบ้างดีกว่าครับ สำหรับเช้านี้ ขอแนะนำชุดคิท "เรือพับ" (Foldboat) ที่คุณสามารถประกอบ (หรือพับเป็นลำเรือ) เป็นเรือจริงพร้อมนั่งพายได้ภายในไม่เกิน 5 นาที...ว้าว!!!



สำหรับขุดคิท"เรือพับ"ที่นำมาฝากกันนี้จะมีสองโมเดลด้วยกัน โดยรุ่นแรกจะชื่อ Boat 1 ซึ่งทั้งลำทำจากชิ้นพลาสติก P.E. เพียงแผ่นเดียว เมื่อพับประกอบขึ้นเป็นตัวเรือ และยืด้วยน๊อตที่มาด้วยกัน คุณจะได้เรือพายขนาดความยาว 1.5 เมตร และกว้างประมาณ 60 เซ็นติเมตร จุดเด่นของเรือพับชุดนี้ก็คือ มันมีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก ไม่ต้องดูแลรักษาอะไรกันมากมาย ใครที่ชื่นชอบการพายเรือเล่นตามบ้านสวน (หรือช่วงนี้ที่เรากำลังประสบปัญหาน้ำท่วม) ก็สามารถนำไปประกอบ เพื่อใช้งานได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็ว ส่วนอีกรุ่นหนึ่งจะเป็น Boat 2 ลำนี้จะไม่เหมือน Boat 1 ที่สามารถพับเก็บได้ แต่จะทำเป็นแผ่นพลาสติกทีมีขนาด 2.5 x 1.5 เมตร (ลำใหญ่กว่า) ซึ่งพับง่ายกว่า Boat 1 โดยใช้เวลาพับแค่ 2 นาทีเท่านั้น เพราะชิ้นส่วนทั้งหมดมีแค่ 3 ชิ้นเท่าน้้น ตอนนี้มี Limited Edition แต่ราคาคงแพงไม่น้อย


เว็บไซต์ในข่าว: foldboat

[News] ผูัใช้ Android และ BB เลือก iPhone 5

ไม่เฉพาะลูกค้าทั่วโลกของ Apple เท่านั้นที่กำลังตื่นเต้นกับ iPhone 5 ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในเดือนตุลาคม ศกนี้ เพราะจากรายงานวิจัยของ InMobi ผู้ใช้สมาร์ทโฟนใน สหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโกพบว่า ประมาณ 41% มีแผนจะซื้อ iPhone 5 ในขณะที่ 52% ของผู้ใช้ BlackBerry และ 27% ของผู้ใช้ Android ก็มีความตั้งใจจะเปลี่ยนไปใช้ iPhone 5 เช่นเดียวกัน



ประเด็นทีน่าสนใจคือ จากกลุ่มตัวอย่างที่ InMobi ได้สอบถามความตั้งใจดังกล่าว  ส่วนใหญ่คาดว่า iPhone 5 จะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่ทำให้ใช้งานได้นานขึ้น การทำงานที่เร็วขึ้น จอละเอียดกว่าเดิม และสายไม่หลุดง่าย ซึ่งทังหมดนี้เป็นข้อมูลจากรายงานข่าวที่ก็ไม่มีใครยืนยันได้จริงๆ ว่า มันถูกต้อง หรือไม่? พูดง่ายๆ ก็คือ ขนาดยังไม่ทราบเลยว่า iPhone 5 จริงๆ แล้วจะเป็นอย่างไร แต่ผู้คนเหล่านี้ก็มีความตั้งใจที่จะเลือกซื้อมาใช้แทนเครื่องเดิมแล้ว ทั้งนี้จากรายงานข่าวที่ออกมาคาดว่า Apple จะเปิดตัว iPhone รุ่นถัดไปที่มีหน้าจอใหญ่ขึ้น ทำงานเร็วกว่าเดิม บางเบายิ่งขึ้น พร้อมกล้อง 8M และมีความฉลาดในการรับคำสั่งด้วยเสียในวันที่ 4 ตุลาคม ศกนี้


ผู้เข้าร่วมตอบแบบสอบถามยังถูกถามอีกด้วยว่า หาก iPhone รุ่นใหม่เป็นแค่การอัพเกรดเพียงเล็กน้อยเหมือนกับครั้งที่ iPhone 3G เป็น iPhone 3GS โดยครั้งนี้จะเป็นการอัพเกรด iPhone 4 พวกเขาจะซื้อไหม? ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ทาง InMobi กล่าวว่า หากเป็นแค่การอัพเกรด ผู้บริโภคกลุ่มนี้จะมีความสนใจเปลี่ยนไปใช้เครื่องใหม่แค่ 11% ในขณะที่หากเป็นกลุ่มผู้ใช้ BB จะยังคงมีความสนใจเปลียนไปใช้ iPhone 4 อัพเกรดอยู่ที่ 28% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ลูกค้าเริ่มไม่พอใจกับ BlackBerry แล้ว (RIM มีผลิตภัณฑ์หลักแค่สมาร์ทโฟน BlackBerry ในขณะที่ PlayBook ไม่แรงเท่าที่ควร ส่วนคู่แข่งอย่าง Applle, Google Samsung และ Amazon ต่างก็มีฮาร์ดแวร์ให้ลูกค้าเลือกหลากหลายทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เครื่องเล่นมีเดีย ฯลฯ ซึ่งทำให้ผู้ใช้ BB มีโอกาสเปลี่ยนใจไปใช้ของคู่แข่งมากขึ้น)


ข้อมูลจาก: prnews

[News] Kindle Fire แท็บเล็ต Amazon มาแล้ว

ในทีสุด Amazon ก็เปิดตัวแท็บเล็ตทีใช้ชื่อว่า Kindle Fire เมื่อวานนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และถือเป็นข่าวใหญ่ที่ทำให้สื่อทั่วโลกจับตาอย่างใกล้ชิด โดย Amazon Kindle Fire จะเป็นแท็บเล็ต Android ที่มาพร้อมกับจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว สนนราคาเครื่องอยู่ที่ 199 เหรียญฯ (ประมาณ 6,000 บาท) ซึ่งนอกจากจะเป็นเครื่องอ่านหนังสือแล้ว มันยังเล่นมีเดียต่างๆ ได้มากมายอีกด้วย



ดังที่ได้รายงานข่าวสั้นไปใน aripfan เมื่อสองวันก่อนแล้วว่า Kindle Fire จะมีดีไซน์คล้าย BlackBerry PlayBook (ราคา 499 เหรียญฯ) แล้วก็ใช้จริงๆ ด้วย แต่มันจะมีขอบแคบกว่า ในขณะที่ตัวเครื่องมีน้ำหนัก 413 กรัมเท่านั้น ซึ่งก็ดันไปเท่ากับน้ำหนักของ PlayBook อีกต่างหาก แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะดูคล้าย PlayBook แต่สิ่งที่ Amazon Kindle Fire เหนือกว่ามากก็คือ มันมาพร้อมกับคอนเท็นต์ต่างๆ ที่มีไว้ให้เลือกดาวน์โหลดมากกว่า 18 ล้านรายการ ไม่ว่าจะเป็นเพลง ภาพยนตร์ รายการทีวี หนังสือ นิตยสาร แอพฯ และเกมส์ โดยผู้บริโภคที่สมัครเป็นสมาชิกสตรีมมิ่งแพคเกจ Amazon Prime (ทดลองใช้ฟรี 30 วัน) คุณก็จะสามารถเลือกได้ตามสั่งไม่ว่าจะเป็นหนังสือ เพลง หรือภาพยนตร์


Kindle Fire มาพร้อมกับโพรเซสเซอร์ดูอัลคอร์ และมีอินเตอร์เฟซที่ปรับแต่งขึ้นใหม่โดยเฉพาะจนดูไม่เหมือนกับแท็บเล็ตของ Android แต่สามารถโหลด และเล่นเกมส์ Android ได้ตามปกติ สาเหตุที่ทำให้ราคาของแท็บเล็ตถูกได้มากมายขนาดนี้ก็เนื่องจากสตอเรจที่มากับ Kindle Fire ที่มีแค่ 8GB (ครึ่งหนึ่งของแท็บเล็ตทั่วไป) เท่านั้น ทั้งนี้ Amazon คาดว่า ผู้ใช้จะใช้แท็บเล็ตผ่าน Wi-Fi hotspot ซึ่งจะทำให้สามารถสตรีมคอนเท็นต์ต่างๆ ผ่านระบบ Cloud ของ Amazon กำหนดการวางตลาด Kindle Fire จะเป็นวันที่ 15 พฤศจิกายน แต่สามารถสั่งจองเครื่องได้ตั้งแต่วันนี้


ในงานแถลงข่าวเมื่อวานนี้ Jeff Bezos ยังได้แนะนำเว็บบราวเซอร์ตัวใหม่ชื่อว่า Amazon Silk ซึ่งจะทำหน้าที่เชื่อมโยง Kindle Fire เข้ากับ Cloud ของ Amazon บราวเซอร์จะตรวจจับพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้ เพื่อทำนายสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการทำเป็นอันดับต่อไป เช่น หากคุณผู้อ่านเข้าเว็บไซต์ arip แล้วตามด้วย comtodaymag.com สม่ำเสมอ คราวนี้เมื่อคุณเปิดอ่านข่าวจากเว็บไซต์ arip บราวเซอร์ก็จะเริ่มโหลดเว็บเพจ comtodaymag แล้วเก็บไว้ในแบคกราวด์ เมื่อคุณคลิกเพื่อโหลด comtodaymag ก็จะสามารถเปิดหน้าเว็บได้เร็วขึ้นมาก วิศวกรของ Aamzon กล่าวว่า "Amazon Silk จะดูเหมือนบราวเซอร์ทั่วไป แต่จะทำงานได้ดีกว่า และเร็วกว่ามาก"


อย่างไรก็ตาม Kindle Fire แท็บเล็ตหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วราคา 199 เหรียญฯ ซึ่งราคาไม่ถึงครึ่งหนึ่งของ iPad ก็ยังคงมีสเป็กบางอย่างที่ไม่อาจเปรียบเทียบว่าเป็นคู่แข่งโดยตรงได้อย่างชัดเจน เนื่องจาก Kindle Fire จะเป็นทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์สำหรับการบริโภคสื่อเป็นหลัก โดยมันจะไม่มีกล้อง ไมโครโฟน และไม่มุ่งเน้นให้ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์คอนเท็นต์อะไรบนเครื่องได้มากนัก มันเป็นแค่อุปกรณ์เสริมการใช้งานคอมพิวเตอร์ของคุณ ในขณะที่ iPad จะสามารถใช้งานแทนคอมพิวเตอร์ได้ แต่หากเทียบ Kindle Fire กับ Nook Color ของ B&N ซึ่งมีราคา 250 เหรียญฯ (ประมาณ 7,500 บาท) ดูเหมือน Kindle Fire จะเหนือกว่าทั้งด้วยราคาที่ถูกกว่า และฮาร์ดแวร์ที่อัพเดทกว่า ตลอดจนอินเตอร์เฟซที่ลื่นไหลกว่าอีกด้วย นอกจาก Bezos จะแนะนำ Kndle Fire แล้ว เขายังได้เปิดตัวเครื่องอ่าน Kindle เวอรชัน e-Ink รุ่นใหม่อีก 3 รุ่น (Kindle, Kindle Touch, Kindle Touch 3G) ซึ่งมีเวอร์ชันที่ทำงานด้วยหน้าจอสัมผัสที่มีราคาเพียง 99 เหรียญฯ อีกด้วย


เว็บไซต์ในข่าว: Amazon

[News] Disney ผุดของเล่น Cars คู่เกมบน iPad

นับวัน iPad จะสามารถทำอะไรๆ ได้หลายอย่างเพิ่มขึ้นตลอดเวลา แม้กระทั่งเด็กๆ ที่หากทราบข่าวนี้ก็ยังอาจจะรู้สึกว่า ตนเองมีเหตุผลมากพอที่จะมี iPad สักเครื่องไว้ใช้ด้วยเหมือนกัน เนื่องจากล่าสุด ทาง Disney ได้พัฒนาแอพพลิเคชัน"เกมส์"ใหม่สำหรับเล่นบน iPad โดยเกมส์ดังกล่าวจะสามารถโต้ตอบกับ"ของเล่น"จริงๆ ได้อีกด้วย...ว้าว!!!


Disney Appmates Toy เป็นชุดของเล่น+เกมส์บน iPad สำหรับเด็ก โดยใช้กระแสความนิยมในตัวการ์ตูนแอนิเมชันจากภาพยนตร์เรื่อง Cars 2 ที่มีกำหนดฉายในบ้านเราวันนี้ (29 ก.ย. 2554) ล่าสุดทางบริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นของเล่นตัวการ์ตูน Cars ที่ใช้เล่นกับ iPad ได้ โดยเด็กๆ จะสามารถนำมันไปเล่นโต้ตอบกับเกมส์บน iPad ได้อย่างสนุกสนานมากยิ่งขึ้น



สำหรับความลับของการทำงานก็ง่ายมาก ของเล่นทีเป็นตัวการ์ตูนเรื่อง Cars แต่ละตัวจะมีรูปแบบประจำตัวที่ทำให้ iPad สามารถระบุได้ว่า เด็กๆ กำลังใช้ของเล่นชิ้นไหนสัมผัสบนหน้าจอ จากนั้นแอพพลิเคชันก็จะสามารถโต้ตอบกับของเล่นที่วางอยู่บนหน้าจอได้ วางตลาดเดือนตุลาคม ศกนี้ ส่วนมันจะสนุกแค่ไหน? ลองชมจากคลิปข้างล่างนี้ได้เลย



เว็บไซต์ในข่าว: Disney

[News] RICH The Mission เผยรหัส 13:00 น.

เชื่อว่า RICH The Mission รหัสลับที่ยังไม่มีการเปิดเผยว่า มันคืออะไรกันแน่? คงจะได้ผ่านตาคุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip กันไปบ้างแล้ว ซึ่งรวมถึงการที่คุณผู้อ่านได้เข้าร่วมเล่นเกมส์ถอดรหัส RICH เพื่อลุ้นรับแฟลชไดรฟ์รูปทองคำแท่ง และเสื้อยืด RICH กันไปก่อนหน้านี้ด้วย โดยทางบริษัทจะได้มีการจับรางวัลภายในวันนี้ พร้อมทั้งจะมีการแจ้งรายชื่อผู้โชคดีให้ทราบโดยทั่วกัน


นอกจากกิจกรรมร่วมค้นหารหัสลับ RICH ด้วยเกมส์ข้างต้นแล้ว ในช่วงเวลาประมาณบ่าย 13:00 น. ของวันนี้ (27 กันยายน 2554) จะมีการจัดกิจกรรมพิเศษที่ไซเบอเรีย เซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อเผยรหัสลับ RICH The Mission นวตกรรมสื่อครบวงจรทั้ง On Print, On Line, On Air และ On Location โดยกิจกรรมดังกล่าวจะมีการถ่ายทอดสดให้ได้รับชมกันบนอินเทอร์เน็ตผ่านทางเว็บไซต์ arip โดยคุณผู้อ่านทุกท่านสามารถคลิกรับชม และร่วมสนุกกับกิจกรรมบนเวทีได้ที่ http://www.arip.co.th/rich   ซึ่งในการร่วมกิจกรรมครั้งนี้ คุณผู้อ่านที่เข้าชมในช่วงเวลาดังกล่าวยังมีสิทธิ์ลุ้นรับโน้ตบุ๊ค ACER TravelMate 8481 ราคาประมาณ 30,000 บาทกันไปฟรีๆ อีกด้วย :D



อย่าลืมนะครับ เรามีนัดกันตอนบ่ายโมง (13:00) นี้ แล้วคุณจะได้สัมผัสประสบการณ์สื่อใหม่ทีไม่เหมือนใครกับ RICH พร้อมทั้งร่วมตอบคำถาม เพื่อลุ้นเป็นเจ้าของโน้ตบุ๊ค ACER TravelMate 8481 ไปใช้กันฟรีๆ อีกด้วย งานนี้พลาดไม่ได้จริงๆ คลิกเข้ามาร่วมสนุกกันเยอะๆ นะครับ :D



ข้อมูลจาก: RICH The Mission

[News] Samsung Omnia W สมาร์ทโฟน Mango

รายงานข่าวล่าสุด เมื่อวานนี้ Samsung Electronics ออกมาประกาศว่า ทางบริษัทจะเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Windows Phone 7.5 หรือ Mango ในช่วงปลายเดือนตุลาคม ศกนี้



Samsung Omnia W จะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของ Samsung ที่ทำงานด้วยระบบปฎิบัติการ Windows Phone Mango โดยมาพร้อมกับหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 3.7 นิ้ว และใช้โพรเซสเซอร์ที่มีความเร็วถึง 1.4GHz หน่วยความจำ 512MB และสตอเรจ 8GB โดยจะเริ่มวางตลาดที่ประเทศอิตาลีช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ ก่อนที่จะเปิดวางจำหน่ายทั่วโลกเป็นลำดับต่อไป

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน Samsung ได้ชื่อว่าเ ป็นบริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟน Android ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ล่าสุดยอดชายของ Galaxy S2 ทะลุ 10 ล้านเครื่องไปเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่สถิติยอดผู้ใช้สมาร์ทโฟนทั่วโลกระหว่าง Android เทียบกับ iPhone จะอยู่ที่ 2:1 ส่วน สมาร์ทโฟน Windows Phone ยังถือว่ามีฐานผู้ใช้น้อยมากเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มโมบายโอเอสทั้งสอง ซึ่งคงต้องรอดูว่า หลังจากที่บริษัทผูํ้ผลิตสมาร์ทโฟนชั้นนำไม่ว่าจะเป็น HTC, Samsung ตอลดจน Nokia หันมาผลักดัน Windows Phone ดูบ้างในช่วงปลายปีนี้ จะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้มากน้อยเท่าไร? คงต้องติดตามกันอีกที

เว็บไซต์ในข่าว: Samsung

[News] เตือนผู้ใช้ Mac ระวังโทรจัน Flash Player

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพิ่งจะมีรายงานข่าวพบมัลแวร์ที่ปลอมตัวเป็นไฟล์เอกสาร PDF โดยใช้เทคนิคการซ่อนนามสกุลแบบเดียวกับที่พบใน Windows (.pdf.exe) เมื่อผู้ใช้เผลอเปิดไฟล์ดังกล่าว ก็เท่ากับรันโปรแกรมที่แอบเปิดพอร์ตให้แฮคเกอร์สามารถขโมยข้อมูลสำคัญๆ ที่อยู่ในเครื่องของเหยื่อได้ ล่าสุดมีการพบโทรจันที่ปลอมตัวมาในรูปของโปรแกรมติดตั้งแฟลชเพลเยอร์ (Flash Player Installer)


Intego บริษัทผู้เชี่ยวชาญระบบรักษความปลอดภัยได้โพสต์แจ้งเตือนเกียวกับมัลแวร์ตัวใหม่ไว้ในบล็อกของทางบริษัท แม้ทางบริษัทจะเพิ่งรับรายงานดังกล่าวจากผู้ที่ได้ดาวน์โหลดมัลแวร์ดังกล่าวเพียงรายเดียว แต่นั่นหมายความว่า โทรจันที่ว่านี้มีอยู่จริง และอาจกำลังถูกส่งไปให้กับผู้ใช้แมค เพื่อหลอกล่อให้คลิก โดยเฉพาะผู้ใช้แมคทียังไม่ได้ติดตั้งโปรแกรม Flash ทั้งนี้โทรจันที่ตรวจพบมีชื่อเรียกว่า Flashback (OSX/flashback.A) ผู้ใช้จะถูกหลอกให้คลิกลิงค์เข้าเว็บไซต์อันตราย เพื่อดาวน์โหลดตัวติดตั้งโปรแกรมเล่นแฟลช ซึ่งหากผู้ใช้แมครายนั้นตังค่าให้บราวเซอร์ Safari เปิดไฟล์ที่ดาวน์โหลดโดยอัตโนมัติ (.pkg และ mkpg) โปรแกรม Flash Installer ที่โทรจันปลอมตัวมา จะแสดงขึ้นบนเดสก์ทอปของหน้าจอ และดำเนินขั้นตอนการติดตั้งในลักษณะที่เหมือนของจริงทุกประการ ยกเว้นสิ่งที่ติดตั้งเข้าไป



หลังจากโทรจันในคราบของ Flash Player Installer ได้ติดตั้งตัวเองเข้าไปแล้ว งานแรกของมันคือ ปิดการทำงานของซอฟต์แวร์ระบบรักษาความปลอดภัย (แม้แต่โปรแกรมยอดนิยมอย่าง Little Snitch ก็โดนด้วย) หลังจากนั้นมัลแวร์จะติดตั้งชุดคำสั่งที่สามารถแทรกโค้ดอันตรายเข้าไปรันในแอพพลิเคชันใดๆ ที่ผู้ใช้เปิดขึ้นทำงาน นอกจากนี้ Flashback ยังมีการส่งค่า MAC address ในเครื่องของเหยื่อกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮคเกอร์บนอินเทอร์เน็ต เพื่อตรวจสอบว่า เครื่องของเหยื่อรายนั้นๆ โดนเล่นงานแล้ว หรือยังอีกด้วย


แม้ทาง Intego จะกำหนดให้ความเสี่ยงจากภัยคุกคามนี้อยู่ในระดับต่ำ แต่ผู้อ่านเว็บไซต์ arip ที่ใช้แมคอยู่ในขณะนี้ก็ควรจะระวังตัวเองไว้ด้วย โดยทางบริษัทแนะนำว่า ไม่ควรเปิดไฟล์ต่างๆ หรือไฟล์แนบจากผู้ส่ง หรือองค์กรที่คุณไม่รู้จัก ปิดฟังก์ชันการรันไฟล์ทีเซฟจากดาวน์โหลดโดยอัตโนมัติ (auto-open: Open safe files after downloading) นอกจากนี้ ปัจจุบันทาง Apple ได้มีการอัพเดทไฟล์นิยามมัลแวร์ (malware definition file) ที่รวมถึงอัพเดทของโทรจัน PDF ซึ่งมีการตรวจพบเมื่อสัปดาห์ที่แล้วด้วย คาดว่า Apple จะอัพเดทโทรจัน Flashback ในเร็วๆ นี้เช่นเดียวกัน

เว็บไซต์ในข่าว: Apple

[News] Kindle Tablet เปิดตัว 28 ก.ย. ศกนี้

ทั่วโลกกำลังเฝ้าจับตาดูอยู่ว่า แท็บเล็ต Kindle ของ Amazon จะสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับตลาดอุปกรณ์โมบายได้ หรือไม่? โดยรายงานข่าวล่าสุดอ้างว่า Amazon จะเปิดตัวแท็บเล็ต Kindle กลางงานแถลงข่าวของบริษัทที่จะจัดให้มีขึ้นที่นิวยอร์กในวันที่ 28 กันยายน ศกนี้


แต่ก่อนจะถึงวันนั้น เรามารีวิวข่าวเกี่ยวกับแท็บเล็ต Kindle ที่มีการเผยแพร่ออกมาก่อนหน้านี้กันดีกว่าครับว่า คุณสมบัติของมันประกอบด้วยอะไรบ้าง น่าใช้แค่ไหน โดนใจคุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip กันบ้าง หรือเปล่า? ว่าแล้วไปดูกันเลยครับ
Kindle Tablet ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android แหล่งข่าวกล่าวว่า แท็บเล็ตของ Amazon จะใช้ Android เช่นเดียวกับแท็บเล็ตของผู้ผลิตรายอื่นๆ ส่วนจะเป็นเวอร์ชันอะไร ไม่สามารถระบุได้ แต่จะมาพร้อมกับ UI ของทางบริษัทเอง และมีหน้าร้านดาวน์โหลดแอพฯ ของตนเอง ที่สำคัญ Amazon ไม่ได้ร่วมมือกับ Google ในการพัฒนา OS ที่รันบนแท็บเล็ตตัวนี้ แต่ใช้ทีมพัฒนาของทางบริษัทเอง
หน้าจอของ Kindle Tablet จะมีขนาดเล็ก ข้อมูลจากแหล่งข่าววงในอ้างว่า Kindle Tablet ที่จะเปิดตัวในวันที่ 28 กันยายน กศนี้จะมาพร้อมกับหน้าจอระบบสัมผัสทีมีขนาด 7 นิ้ว สีสันสว่างสดใสด้วยแบคไลท์  และไม่ได้ใช้เทคโนโลยี e-Ink อย่างทีทางบริษัทเคยใช้กับเครื่องอ่านอีบุ๊ค Kindle ก่อนหน้านี้
คุณสมบัติของฮาร์ดแวร์เรียบง่าย อย่าคาดหวังว่า Kindle Tablet จะมาพร้อมกับคุณสมบัติครบถ้วนเหมือนแท็บเล็ตทั่วไป หรือพลังประมวลผลเป็นเลิศ เพราะจากรายงานล่าสุด มันจะไม่มีกล้องให้คุณ และไม่มีสตอเรจมากนัก (แหล่งข่าวกล่าวว่ามันจำกัดแค่ 6GB เท่านั้น) นอกจากนี้ มันยังไม่ได้ใช้โพรเซสเซอร์ที่แรงสุดอีกด้วย เวอร์ชันเปิดตัวจะเป็น Wi-Fi เท่านั้น ส่วนเวอร์ชัน 3G จะเปิดตัวตามมาในภายหลัง
Kindle Tablet จะทำงานบนบริการคลาวด์ของ Amazon ค่อนข้างชัดเจนว่า Amazon ต้องการสร้างแพลตฟอร์มอย่าง Kindle Tablet ขึ้นมา เพื่อรองรับบริการดิจิตอลคอนเท็นต์ต่างๆ ที่อยู่บน Cloud Services ไม่วาจะเป็น e-Books, MP3 Store, Amazon Prime Movie Streaming และ Cloud Drive (นี่คือเหตุผลที่ตัวเครื่องไม่ต้องมีสตอเรจมากนัก) ความหมายก็คือ ลูกค้า Amazon ที่เป็นเจ้าของ Kindle Tablet นอกจากจะดาวน์โหลด e-Book จาก Cloud มาอ่านได้แล้ว ยังสามารถใช้บริการดูหนัง ฟังเพลงได้อีกด้วย ซึ่งลักษณะก็จะคล้ายๆ กับระบบนิเวศของ Apple อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ ผู้ใช้ Kindle Tablet ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อการทำงานกับพีซีแต่อย่างใด 
ราคาของมันต้องถูกแน่นอน ในขณะที่ Apple ตั้งราคา iPad ไว้ที่ 499 เหรียญฯ แน่นอนว่า Amazon ต้องทำให้ Kindle Tablet มีราคาต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยก่อนหน้านี้ WSJ อ้างว่า ราคาของ Kindle Tablet อาจจะแค่ครึ่งเดียวของ iPad โดยอยู่ที่ประมาณ 250 เหรียญฯ (ประมาณ 7,500 บาท) 
และทั้งหมดคือประมวลข่าวเกี่ยวกับ Kindle Tablet ทีมีการเปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้ คุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip สนใจกันบ้างไหมครับ? อย่างไรก็ตาม คงต้องมาดูกันว่า ในวันที่ 28 กันยายนที่จะถึงนี้ Amazon จะสร้างเซอร์ไพรส์อะไรให้กับผู้บริโภคกันอีกหรือไม่ เพราะต้องยอมรับว่า มันเป็นการเดิมพันที่สูงพอสมควร ซึ่งทางเว็บไซต์ arip จะรีบนำข้อมูลมารายงานให้ทราบโดยทั่วกันทันที :D 


เว็บไซต์ในข่าว: Amazon

[News] ยอดผู้ใช้ Google+ ทะลุ 43 ล้านราย!!!

เพียงแค่ 3 วันหลังจากที่ Google+ เปิดให้ใครใช้ก็ได้ โดยไม่ต้องผ่านการ invite อีกต่อไป ปรากฎว่า มีผู้สนใจจากทั่วโลกเข้ามาสมัครใช้บริการจนยอดบัญชีผู้ใช้เติบโตขึ้นจากเดิมถึง 30% (เพิ่มขึ้นประมาณมากกว่า 10 ล้านราย) และจนถึงเมื่อวานนี้ จำนวนแอคเคาต์ของผู้ใช้ Google+ ทะลุ 43 ล้านรายไปเรียบร้อยแล้ว นับเป็นอีกก้าวของความสำเร็จในการเขย่าบัลลังก์ของ Facebook


อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับ Facebook ที่มีการเปิดเผยตัวเลขล่าสุดออกมาว่า จำนวนสมาชิกมากกว่า 800 ล้าน ก็ต้องถือว่า Google+ ยังห่างไกลจากผู้นำตลาดแบบไม่เห็นฝุ่น แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า บริการของ Google+ เพิ่งเปิดมาได้แค่ 3 เดือนเท่านั้น และสมาชิกในช่วงที่ผ่านมาเกิดจากการเชื้อเชิญ (invite) ของเพื่อนๆ เท่านั้น ซึ่งหากแนวโน้มการเติบโตยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง Google+ จะมียอดผู้ใช้ทะลุ 100 ล้านได้อย่างแน่นอน และจะไม่หยุดแค่นั้น ถึงแม้ Facebook จะพยายามพัฒนาบริการใหม่ เพื่อดึงดูดผู้ใช้ไว้ก็ตาม



นอกจากความต้องการเปลี่ยนแปลง และอยากลองของใหม่ การทำให้ผู้ใช้ Facebook หันมาใช้ Google+ ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการแก้เกมก่อนหน้านี้ที่ Facebook ได้ดึงความสนใจของผู้ใช้จำนวนหนึ่งออกไปจากเสิร์ชเอ็นจิ้นยักษ์ใหญ่ นอกจากนี้ การที่ Facebook ต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้จนต้องออกกฎระเบียบใหม่ๆ ในเรื่องนี้มาโดยตลอด (มีการปล่อยแอพฯ บางตัวที่สามารถขโมยข้อมูลผู้ใช้ได้อย่างง่ายดาย) ทางด้าน Google เองก็พยายามพัฒนาเครือข่ายสังคมที่น่าสนใจตลอดเวลา ตลอดจนความพยายามในการโปรโมท Google+ แต่จะสรุปความสำเร็จตอนนี้ก็อาจจะดูเร็วเกินไป แล้วคุณผู้อ่านของเว็บไซต์ arip ล่ะครับ คิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้

ข้อมูลจาก: google+

[News] SWYP เครื่องพิมพ์+จอสัมผัส น่าใช้สุดๆ

หลังจากติดตามข่าวสารเทคโนโลยีไฮเทคฯสุดขั้วกันไปแล้ว มาดูเรื่องราวของแก็ดเจ็ต (Gadget) ล้ำๆ ที่น่าสนใจกันบ้างดีกว่า ก่อนหน้านี้่ทางเว็บไซต์ arip ได้เคยแนะนำเครื่องพิมพ์ 3D ที่สามารถสร้างผลงานในรูปแบบวัตถุรูปทรงต่างกันไปแล้ว แต่สำหรับไอเดียพรินเตอร์ของ Artefact ที่ใช้คอนเซปต์ว่า "See What You Print" (ให้คุณได้เห็นในสิ่งที่ต้องการพิมพ์) จะทำให้คุณต้องทึ่ง และสงสัยว่า ทำไม่มันถึงยังไม่มีให้เห็นในปัจจุบัน



แทนที่คุณจะต้องเตรียมไฟล์ภาพถ่ายต่างๆ บนคอมพิวเตอร์ก่อนที่จะส่งต่อไปให้กับเครื่องพิมพ์ SWYP (See What You Print) ของ Artefact จะแสดงงานพิมพ์ขนาดเท่าของจริงบนหน้าจอสัมผัสให้คุณได้เห็นก่อนสั่งพิมพ์ออกมา และด้วยการทำงานที่ใช้หน้าจอสัมผัสทำให้คุณสามารถจัดเรียงภาพในลักษณะเลย์เอาต์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ตลอดจนปรับแต่งความสวยงามก่อนที่จะสั่งพิมพ์ออกมาที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง (ลูกเล่นที่เจ๋งมากๆ คือ การแสดงภาพบนหน้าจอสัมผัสที่ไหลต่อเนื่องลงมาพร้อมๆ กับภาพที่พิมพ์ออกมาด้านหน้า)


และด้วยหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่เท่ากับ A4 แทนที่จะเป็นช่องมองเห็นภาพเล็กๆ ยังทำให้ผู้ใช้สนุกไปกับการตกแต่งภาพที่สะดวกสบายบนเครื่องพิมพ์ SWYP อีกด้วย เห็นอย่างนี้แล้ว คุณผู้อ่านของเว็บไซต์ arip รู้สึกอย่างไรกันบ้างครับ มันน่าใช้กว่าเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ตแบบเดิมๆ หรือเปล่า? น่าเสียเดายที่มันยังเป็นแค่คอนเซปต์อยู่นะครับ แต่หากจะพัฒนาไอเดียนี้ขึ้นมาเป็นผลิตภัณฑ์จริงๆ ดูก็น่าจะไม่ยากเกินไปนัก (แท็บเล็ต+อิงค์เจ็ต+แอพฯ)

ข้อมูลจาก: Artefact

[News] นักวิจัยพบวิธีบันทึก"ความฝัน"เป็นวิดีโอ

 เมื่อสองสามสัปดาห์ก่อนมีรายงานว่า เทคโนโลยีสมัยใหม่ค้นพบวิธีอ่านแพทเทิร์นความคิดของสมองจนสามารถตีความได้ว่า "คุณกำลังคิดอะไรอยู่?" แต่นักวิจัยที่ UC Berkeley ก้าวไกลไปกว่านั้น โดยพวกเขาสามารถอ่านภาพที่เกิดขึ้นในสมองของคุณ แล้วแสดงผลในรูปของวิดีโอ :O


ความลับในการทำงานของระบบนี้จะคล้ายๆ กับเเทคนิคการอ่านใจ (mind-reading) โดยเครื่อง MRI จะเฝ้าดูแพทเทิร์นที่ปรากฎในสมองของมนุษย์ เหมือนกับมันกำลังจ้องดูทีวี จากนั้นหาความสัมพันธ์ของแพทเทิร์นเหล่านั้น (รูปแบบที่ซ้ำกัน และต่างกัน) เพื่อนำมาสร้างภาพบนหน้าจอ ทั้งนี้ข้อมูลทั้งหมดจะถูกประมวลผลด้วยโมเดลคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อน เพื่อสร้าง และทำนายความสัมพันธ์ระหว่างแพทเทิร์นในสมอง และภาพที่ให้ผู้ทดสอบมองเห็น ประกอบกับฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้น โดยใช้วิธีจับคู่ด้วยการสุ่มจากวิดีโอความยาว 18,000,000 วินาทีบน YouTube เพื่อหาความเป็นไปได้ของแพทเทิร์นที่เกิดขึ้นในสมอง



ด้วยฐานข้อมูลทั้งหมด ทีมนักวิจัยจาก Berkeley สามารถป้อนภาพสแกนของสมองเข้าไปในโมเดลคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะหยิบเอาวิดีโอ 100 คลิปที่ให้แพทเทิร์นของการทำงานของสมองที่เหมือนกันมากทีสุดแบบวินาทีต่อวินาที คลิปที่เดาได้ใกล้เคียงที่สุดจะถูกนำมารวมกันเป็นคลิปเดียว และเมื่อนำคลิปวิดีโอที่ได้ไปเปรียบเทียบกับคลิปต้นฉบับที่ผู้ทดสอบมองเห็น มันมีบางภาพที่คล้ายกับต้นฉบับจนน่าตกใจทีเดียว ลองชมคลิปข้างล่างนี้


การเปรียบเทียบวิดีโอทีสร้างขึ้นจากแพทเทิร์นทีได้จากภาพสแกนของสมองกับคลิปต้นฉบับ เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า ระบบสามารถทำงานได้ โดยเฉพาะความสามารถในการดูดภาพที่อยู่ในความคิดออกจากสมองของคุณได้ ซึ่งในอนาคต เซ็นเซอร์ตรวจจับ และอัลกอริธึมในการทำงานจะได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นจนคุณสามารถติดมันไว้กับตัวได้ และเมื่อหลับตา มันก็จะสแกนแพทเทิร์นของกิจกรรมที่เกิดขึ้นในสมองของคุณได้ เมื่อคุณหลับตานึกถึงภาพเป็ด MRI กับโมเดลคอมพิวเตอร์ก็จะฉายภาพเป็ด (หรืออะไรสักอย่างที่คล้ายเป็ด) ขึ้นมาให้เห็นได้ และเมื่อคุณหลับ ความฝันที่เกิดขึ้นในสมองของคุณก็จะถูกบันทึกออกมา เพื่อ play back วิดีโอบนคอมพิวเตอร์ได้...โอ้ว!!!


ข้อมูลจาก: Berkeley

[News] Nikon ผุดกล้องไร้กระจกฯเปลี่ยนเลนส์ได้

นิคอน (Nikon) ได้เปิดตัวกล้อง mirrorless (ไม่มีกระจกสะท้อนภาพไปยัง viewfinder) ตัวแรกของทางบริษัท ทั้งนี้เพื่อต่อกรกับคู่แข่งอย่าง แคนอน (Canon) ด้วยการรุกเข้าสู่ตลาดกล้องเปลี่ยนเลนส์ขนาดเล็กที่กำลังเป็นกระแสฮอตฮิตในบรรดาบริษัทผู้ผลิตกล้องรายอื่นๆ อยู่ในขณะนี้



กล้องดิจิตอลของ Nikon ที่เปิดตัวล่าสุดจะมีสองรุ่นด้วยกันคือ Nikon 1 J1 และ Nikon 1 V1 โดยจะวางตลาดในวันที่ 20 ตุลาคม ศกนี้ สนนราคาอยู่ที่ 650 เหรียญฯ (ประมาณ 19,500 บาท) และ 900 เหรียญฯ (ประมาณ 27,000 บาท) ตามลำดับ โดยทั้งคู่จะมาพร้อมชุดคิทเลนส์ 10 - 30mm สามรถบันทึกภาพเป็นชุด (rapid-fire ด้วย burst mode) หรือโหมด slow motion ที่ 1,200 เฟรมต่อวินาที และวิดีโอ HD 1080p (สามารถดึงเฟรมภาพที่คมชัดจากวิดีโอที่บันทึกได้อีกด้วย) ตัวกล้องมีให้เลือก 5 สีด้วยกันคือ แดง ดำ ขาว เงิน และชมพู "ตลาดใหม่ที่กำลังเติบโตอยู่ในขณะนี้คือ กลุ่มผู้บริโภคที่รู้สึกว่า กล้องคอมแพคไม่ดีพออีกต่อไป" Yasuyuki Okamoto หัวหน้าแผนกผลิตภัณฑ์อิเมจของ Canon กล่าว พร้อมกันนี้ เขายังบอกอีกด้วยว่า กล้องขนดเล็กกำลังได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ



เว็บไซต์ในข่าว: Nikon

[News] Handroid "มือจักรกล"สำหรับผู้พิการ

บ่อยครั้งที่ทางกองบรรณาธิการเว็บไซต์ arip จะได้แนะนำเทคโนโลยีของการพัฒนา"มือหุ่นยนต์" (robotic hand) ที่สามารถช่วยให้ผู้พิการได้มีโอกาสกลับมาได้ใช้ชีวิตเหมือนเดิมปกติ อย่างไรก็ตาม นวตกรรมที่มีการพัฒนาออกมาก่อนหน้าจะมีราคาค่อนข้างสูง ล่าสุด ทางกองบ.ก.ได้ไปพบกับมือหุ่นยนต์รุ่นใหม่ชื่อว่า Handroid ที่นอกจากจะมีโคงสร้างไม่ซับซ้อนแล้ว มันยังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระดับราคาที่ไม่สูงเกินไปอีกด้วย...ว้าว!!!



Handroid (hand+android) พัฒนาโดยบริษัท ITK จากประเทศญี่ปุ่น โดยระบบจะประกอบด้วยถุงมือ และมือจักรกลที่สามารถเคลื่อนไหวได้ราวกับมือมนุษย์ ซึ่งจะถูกซ่อนอยู่ใต้ถุงมือนั้น โดยมอเตอร์เซอร์โวแต่ละตัวจะควบคุมการเคลื่อนไหวของแต่ละนิ้วมือได้อย่างแม่นยำ ทั้งนี้ทางบริษัทหวังว่า Handroid จะเป็นที่ต้องการของกลุ่มผู้พิการเนื่องจากประสบอุบัติเหตุในโรงงานอุตสาหกรรม


ประเด็นที่น่าสนใจของ Handroid ก็คือ มันเป็นมือจักรกลที่มีราคาถูกกว่าระบบอื่นๆ ก่อนหน้านี้มาก โดยทางบริษัทคาดว่าจะสามารถวางจำหน่าย Handroid ได้ภายในสองปีข้างหน้าด้วยราคา 6,500 เหรียญฯ หรือประมาณ 200,000 บาทต่อข้าง แม้จะต้องร้องเพลงรอไปก่อน แต่ทางบริษํทก็ได้จัดทำคลิปวิดีโอสาธิตการทำงานของมันมาให้ชมกันก่อน เพื่อว่าจะได้เห็นถึงประสิทธิภาพ และศักยภาพของ Handroid บอกได้คำเดียวว่า เจ๋งมากๆ


ข้อมูลจาก: ITK

[News] Origo พัฒนาเครื่องพิมพ์ 3D สำหรับเด็ก

นับวันเทคโนโลยีทำให้ผลิตภัณฑ์ไฮเทคฯเก่งขึ้นในราคาถูกลง ไม่เว้นแม้แต่เครื่องพิมพ์วัตถุสามมิติ (3D Printer) ที่่ในอนาคตอันใกล้มันจะกลายเป็นสินค้าสำหรับเด็กที่ช่วยเติมเต็มจินตการจากภาพวาดในฝันให้กลายเป็น"ของเล่น"ที่จับต้องได้จริงๆ ซึ่งมันทำให้นึกถึงคำทำนายจากภาพยนตร์เรื่อง "Mimsy Were the Borogoves" ที่บอกว่า ของเล่นจะเปลี่ยนโลก!!!




Origo 3D Printer เครื่องพิมพ์ 3 มิติที่ได้รับการออกแบบให้สามารถเปลี่ยนภาพวาดของเด็กให้กลายเป็นของเล่น ซึ่งมันเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีนี้ที่กำลังจะเปิดฝัน และจินตนาการให้กับเด็กรุ่นใหม่ เครื่องพิมพ์ 3D ที่มีดีไซน์น่ารักดังรูปนี้จะสามารถเปลียนรูปวาดให้กลายเป็นวัตถุสามมิติที่จับต้องได้ และเมื่อใดก็ตามที่เด็กๆ รู้สึกเบื่อกับผลงานสร้างสรรค์ชิ้นนั้นๆ แล้ว เขายังสามารถนำมันไปรีไซเคิล เพื่อสร้างเป็นของเล่นชิ้นใหม่ที่เขาดีไซน์ได้อีกด้วย



แม้ว่า Origo 3D Printer จะยังคงเป็นแค่คอนเซปต์อยู่ในขณะนี้ แต่ทางบริษัทคาดว่า จะสามารถพัฒนาออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้จริงในอนาคตอันใกล้ ทั้งนี้กลไกที่ใช้ขึ้นรูปวัตถุ 3D ที่อยู่ในกล่องใสสีม่วงจะมีระบบการทำงานแบบเดียวกับเครื่องพิมพ์ 3D มาตรฐาน ซึ่งสามารถพิมพ์ชิ้นงานขนาดเล็กจากแผ่นพลาสติกบางๆ ซ้อนกันขึ้นไปจนได้รูปร่างตามที่ต้องการ Joris Peels และ Artur Tchoukanov สองผู้เชี่ยวชาญทางด้านเครื่องพิมพ์ 3D และเป็นผู้ก่อตั้ง Origo กล่าวว่า พวกเขาได้ออกแบบให้ Origo มีส่วนการทำงานที่เคลื่อนไหวน้อยที่สุด และส่วนติดต่อผู้ใช้ที่ง่ายสุด โดยใช้ทูลส์อย่าง 3Dtin เป็นแพลตฟอร์มในการออกแบบชิ้นงาน 3D ของเด็กๆ ในส่วนของราคา Joris ประเมินในขั้นต้นว่าน่าจะอยู่ที่ 800 เหรียญฯ หรือประมาณ 24,000 บาท